ประสิทธิ์ชัย ยกระดับชุมนุมด้วยวิธีสันติอหิงสา ชี้ควรหยุดเกมล่าชื่อมาแข่งกัน

เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ยกระดับการชุมนุมด้วยวิธีสันติอหิงสา ยืนประจันหน้าตำรวจจนกว่ารัฐบาลจะยินยอม ประสิทธิ์ชัย ชี้ควรหยุดเกมล่าชื่อมาแข่งกัน ส่งกัญชากลับเป็นยาเสพติด ท้าตั้งเวทีดีเบตใช้ข้อมูลมาสู้กัน

เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย นำโดยนายประสิทธิ์ชัย หนูนวล นายอัครเดช ฉากจินดา และภาคีชาวกัญชาประเทศไทย ประกาศยกระดับการชุมนุมด้วยวิธีสันติอหิงสา พร้อมไลฟ์สดว่า เนื่องจากได้ยื่นหนังสือตั้งแต่เมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.) แต่ไม่ได้รับคำตอบทั้ง 2 ข้อเสนอ จึงตัดสินใจยกระดับการชุมนุม เมื่อรัฐบาลไม่ตอบสนอง โดยจะยืนอย่างนี้ไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือสัญญาณที่ดีขึ้น แต่จะไม่ยอมถอยจากสะพานชมัยมรุเชฐ หากไม่ได้รับคำตอบ และที่จำเป็นต้องยกระดับ เพราะการต่อสู้จะไม่มีความหมายอะไรถ้าไม่ยกระดับ เหมือนมายื่นหนังสือแล้วก็กลับ

"พวกผมจะไม่ลุก ไม่เดินไปไหนอีก จนกว่ารัฐบาลจะยินยอมนำข้อตกลงที่นำเสนอมาลงนามร่วมกัน เพื่อที่จะทำการวิจัยเรื่องกฎหมายกัญชาต่อไป เราแสดงออกด้วยสันติอหิงสา และยืนยันว่า จะยืนอยู่ ณ จุดนี้จนกว่า รัฐบาลจะยินยอม" นายประสิทธิ์ชัย กล่าว

นอกจากนี้ นายประสิทธิ์ชัย ยังได้โพสต์เฟซบุ๊กกรณีกลุ่มหมอเข้ายื่น 100,000 รายชื่อเพื่อสนับสนุนให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ให้กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตอนหนึ่งว่า ตกลงในการกำหนดนโยบายต้องไปล่ารายชื่อแข่งกัน ล่ารายชื่อให้ได้มากเท่ากับมีความถูกต้องชอบธรรมากเช่นนั้นหรือ

ไม่ว่าคนทำ คือ กลุ่มหมอ กลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ กลุ่มการเมือง พวกคุณต้องการอะไร หากเป็นกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่เป็นคนทำ อยากจะบอกพวกคุณว่า อย่าสร้างแนวทางอันผิดเพี้ยน ตามพวกหมอที่ส่งเสริมพวกคุณ คนรุ่นใหม่ควรจะตระหนักว่า การกำหนดนโยบายต้องมีพื้นฐานมาจากข้อเท็จจริงเสมอ

ข้อเสนอของเขียนอนาคตกัญชาไทยคือ ท่ามกลางความขัดแย้งและเห็นต่างต้องตั้งกรรมการร่วมเพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงและสำรวจวิจัยกัญชาในทุกมิติ จึงจะเป็นทางออก

"หากจะเอาตัวเลขคนลงชื่อมาแข่งกัน เดี๋ยวพวกผมไประดมคนสูบจำนวนสองล้านกว่าคน คนใช้กัญชารักษาตัวเองหลายหมื่นคน แล้วเอาตัวเลขมาแข่งกัน คำถามคือ การแข่งกันเช่นนี้จะได้อะไรออกมาที่เป็นผลดีต่อการทำนโยบาย" นายประสิทธิ์ชัย และว่า ให้จัดเวทีสาธารณะขึ้นมา เพื่อดีเบตกันให้สาธารณะรับรู้

"ขอให้ทุกองคาพยพ กรุณาตั้งสติกลับมาที่การศึกษาข้อเท็จจริงในการกำหนดนโยบาย"